ผู้ป่วยโรคอ้วน อายุ 18 – 65 ปี ที่มีค่า BMI เกิน 37.5 หรือ มี BMI เกิน 32.5 และมีโรคแทรกซ้อนจากความอ้วน โดยได้พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีปกติแล้ว แต่ไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้ ประกอบกับมีสุขภาพที่ย่ำแย่จากโรคอ้วนทำให้ต้องได้รับการรักษาโรคอ้วนอย่างเร่งด่วน โดยแพทย์จะแนะนำทางเลือกในการรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักด้วยการส่องกล้อง ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ของรักษาได้ตามเป้าหมาย และจะไม่ทำให้กลับไปอ้วนอีก
ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพร่างกายอย่างละเอียด โดยการตรวจเลือด, ตรวจหาโรคต้องห้ามในการผ่าตัดใหญ่ การดมยาสลบหรือใส่ท่อช่วยหายใจ เช่น โรคหัวใจที่ควบคุมไม่ได้ โรคหัวใจชนิดรุนแรง หรือเป็นโรคปอดชนิดรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้จะไม่สามารถผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักได้ รวมไปถึงการตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น การส่องกล้องกระเพาะอาหาร ตรวจภาวะไขมันพอกตับ ตับแข็ง หรือนิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น
ในช่วง 1-3 วัน ก่อนผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักควรทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และต้องงดน้ำงดอาหารก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เนื่องจากสำคัญกับการดมยาสลบ การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักในปัจจุบัน ทางศัลยแพทย์จะใช้เทคนิคการส่องกล้องผ่าตัดเพื่อให้แผลมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว โดยหลังผ่าตัด น้ำหนักลดลงถึงสัปดาห์ละเกือบ 10 กิโลกรัมในช่วงแรก และลดได้ต่ำที่สุด ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีแรก โดยผู้ป่วยจะต้องปรับพฤติกรรมตามแพทย์แนะนำเพื่อให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้ถาวร