สุขภาพดี ใจฟู ด้วยการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก

โรคอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในปัจจุบัน โดยมีผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะนี้ไม่เพียงส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังร้ายแรง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

การรักษาโรคอ้วนให้หายขาด ด้วยการลดน้ำหนักเป็นวิธีที่ป้องกันไม่ให้โรคอ้วนคุกคามสุขภาพอีกต่อไป แต่ว่าผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนรุนแรง การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอาจไม่เพียงพอที่จะให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว ทางการแพทย์จึงได้พัฒนาวิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นทางเลือกในการรักษาโรคอ้วนสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนรุนแรง ซึ่งนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืน

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก (Bariatric Surgery) เป็นวิธีการรักษาโรคอ้วนทางการแพทย์ที่ได้รับรองแล้วว่าสามารถทำให้หายขาดจากโรคอ้วนได้ รวมทั้งยังทำให้หายหรือบรรเทาอาการจากโรคเรื้อรังที่มาจากความอ้วน โดยการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนรุนแรง ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 35 ขึ้นไป หรือผู้ที่มี BMI ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปและมีโรคร่วม เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล ซึ่งวิธีการผ่าตัดที่นิยม มี 2 วิธี ดังนี้ 

1. การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (Sleeve Gastrectomy)

• เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารลงประมาณ 75-80% ทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
• นอกจากนี้ การผ่าตัดยังลดการผลิตฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหิวน้อยลง
• วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและให้ผลลัพธ์ที่ดี

2. การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหาร (Roux-en-Y Gastric Bypass)

• เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อนกว่าการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร โดยแพทย์จะสร้างกระเพาะอาหารส่วนบนให้มีขนาดเล็กลง และเชื่อมต่อกับลำไส้เล็กส่วนกลาง
• วิธีนี้ทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลง และลดการดูดซึมของสารอาหาร ทำให้ลดน้ำหนักได้มากขึ้น
• การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารมักใช้ในผู้ที่มีภาวะอ้วนรุนแรงและมีโรคร่วม เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นต้น

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักเป็นทางเลือกในการรักษาโรคอ้วนที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น และมีสุขภาพที่ดีขึ้น

“คุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มต้นที่ความกล้าที่จะเปลี่ยนตัวเอง”