ผู้ป่วยโรคอ้วนมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกประเทศ โรคอ้วนเกิดจากการมีไขมันสะสมในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยส่วนมากเพศชายจะพบว่ามีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง จึงมีรูปร่างเหมือนลูกแอปเปิ้ล ส่วนเพศหญิงพบว่าไขมันมักสะสมที่สะโพก รูปร่างจึงออกไปในแนวลูกแพร์ ซึ่งผู้ป่วยโรคอ้วนใช้ความพยายามที่จะลดความอ้วนด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารคลีน คีโต หรือทำ IF และออกกำลังกาย แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยตัวเอง หรือหากได้ก็เป็นแค่ระยะสั้นแล้วกลับมาอ้วนอีก
การรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นวิธีรักษาทางการแพทย์ที่นิยมมากในต่างประเทศ โดยศัลยแพทย์จะทำหัตถการด้วยการส่องกล้องผ่าตัด (Laparoscopic surgery) เพื่อปรับลดขนาดกระเพาะอาหาร และผ่าฮอร์โมนหิวออกไป ซึ่งทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว หลังผ่าตัดผู้ป่วยพักฟื้นที่สถานพยาบาลเพียงไม่กี่วัน หลังจากกลับไปพักที่บ้านแล้ว สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ แต่ต้องงดการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือ ยกของหนัก ทางด้านผลการรักษาทำให้น้ำหนักลดลงได้ตามเป้าหมาย โดยจะคงที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปีหลังผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยที่ปรับพฤติกรรมตามแพทย์แนะนำ สามารถบอกลาความอ้วนอย่างยั่งยืนไปได้เลย
ปัจจุบัน การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักได้รับความนิยมมากในประเทศไทยเช่นกัน เนื่องจากผลการรักษาที่ทำให้ผู้ป่วยโรคอ้วนกลับมามีสุขภาพดี มีรูปร่างดี มีสุขภาพจิตดี และทำให้หายจากโรคเรื้อรังจากความอ้วนอีกด้วย แต่การเลือกสถานพยาบาลในการเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะรักษาโรคอ้วนควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน ผ่าตัดในห้องหัตถการที่ปลอดเชื้อ รวมทั้งศัลยแพทย์ผ่าตัดจะต้องเชี่ยวชาญในการรักษาโรคอ้วน และวางยาสลบโดยแพทย์วิสัญญีที่เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรคอ้วน