หลายคนคงเคยได้ยินวิธีการรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการยืนยันจากการแพทย์ว่ารักษาได้จริง และได้ผลในระยะยาว โดยใช้รักษาผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีภาวะรุนแรงและไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นได้ มีหลักการของการรักษาคือ ผ่าตัดปรับแต่งกระเพาะอาหารด้วยวิธีการส่องกล้องเข้าไปบริเวณหน้าท้อง
หลายข้อสงสัยของผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก มีคำตอบมาให้แล้ว
ใครที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร?
แพทย์จะพิจารณาจาก ค่า BMI ต้องเกิน 37.5 หรือ มี BMI เกิน 32.5 และมีโรคแทรกซ้อนจากความอ้วน รวมทั้ง ผู้ป่วยจะต้องอายุ 18 – 65 ปี เนื่องจากถ้าอายุน้อยหรือมากเกินไป จะส่งผลต่อการรักษา
กรณีที่มีสิทธิประกันสังคม ต้องเริ่มที่ BMI 32.5 ขึ้นไปพร้อมโรคประจำตัวร่วม หรือ BMI 37.5 ไม่มีโรคประจำตัว
ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักเจ็บไหม?
ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บแผลเมื่อยาสลบหมดฤทธิ์แล้ว โดยจะรู้สึกเจ็บแผลไม่มาก และฟื้นตัวได้เร็ว เนื่องจากเป็นการผ่าตัดกระเพาะอาหารด้วยการส่องกล้อง
ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดในช่วงแรก
จะมีอาการพะอืดพะอม, ผมร่วงเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นในระยะเวลา 5 – 12 เดือน
มีความเสี่ยงในการเกิดการรั่วซึม เลือดออก หรือเกิดรอยปริ โดยศัลแพทย์ของ ดูดี เซ็นเตอร์ จะใช้เทคนิคพิเศษล็อค 3 ชั้น ป้องกันความเสี่ยงได้ดี
ผ่าตัดแล้วน้ำหนักลดลงทันทีไหม?
ผลลัพธ์ในการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวตั้งต้น โดยส่วนมาก สัปดาห์แรกๆ น้ำหนักตัวจะลดลง 1-2 กิโลกรัม และเดือนแรกน้ำหนักตัวจะลดประมาณ 10 กิโลกรัม
ผ่าตัดแล้วจะกลับไปอ้วนเหมือนเดิมได้ไหม?
ตามผลการรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร สามารถช่วยลดน้ำหนักตัวได้อย่างถาวร และช่วยให้รู้สึกหิวน้อยลง เนื่องจากฮอร์โมนที่ทำให้หิวผลิตได้ลดลง ทั้งนี้ ผู้ป่วยจะต้องปรับพฤติกรรมการทานและกิจวัตรประจำวันตามแพทย์แนะนำ