ครบเครื่อง เรื่องผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก

ผู้ป่วยโรคอ้วนที่พยายามลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือประสบปัญหาสุขภาพมาจากน้ำหนักตัว ในปัจจุบัน มิวิธีการรักษาโรคอ้วนทางการแพทย์ที่เห็นผลได้จริง และไม่ทำให้กลับไปอ้วนอีก  เพื่อทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนต้องการอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่คนใหม่ที่มีสุขภาพที่ดี 

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักเพื่อรักษาโรคอ้วน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 35 ขึ้นไป หรือผู้ที่มี BMI ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปและมีโรคร่วม เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักที่นิยม มี 2 วิธี

1. การผ่าตัดกระเพาะแบบ Sleeve Gastrectomy: เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง เหลือ 20% ทำให้กระเพาะอาหารมีรูปร่างคล้ายรูปกล้วย วิธีนี้ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น อีกทั้งยังลดความรู้สึกหิว เนื่องจากฮอร์โมนความหิวในกระเพาะอาหารถูกตัดออก
2. การผ่าตัดกระเพาะแบบ Roux-en-Y Gastric Bypass: เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารร่วมกับการปรับเปลี่ยนทางเดินอาหาร ทำให้ทานอาหารได้น้อยลงและลดการดูดซึมอาหาร

ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักเพื่อรักษาโรคอ้วน จะช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็วและทำให้น้ำหนักคงที่ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งทำให้หายหรือบรรเทาอาการของโรคเรื้อรังจากความอ้วนได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังทำให้รูปร่างดีขึ้น สามารถทำกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ในอดีต มีความมั่นใจ สุขภาพจิตดี และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น 

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบส่องกล้อง โดยศัลยแพทย์จะเจาะรูขนาดเล็กบริเวณช่องท้องเพื่อสอดกล้องและอุปกรณ์ผ่าตัดขนาดเล็กเข้าไป ซึ่งเทคนิคการผ่าตัดแบบส่องกล้องจะทำให้ลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด รวมทั้งหลังผ่าตัด ผู้ป่วยจะเจ็บน้อย และฟื้นตัวได้ไว 

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคอ้วนต้องทำความเข้าใจว่า การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักสำหรับรักษาโรคอ้วน เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย และอาจมีผลข้างเคียง เช่น ภาวะขาดสารอาหาร หรือภาวะ Dumping Syndrome ดังนั้น ผู้ป่วยโรคอ้วนควรศึกษาข้อมูล และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและประเมินความเหมาะสม รวมทั้ง ขอให้เตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจทั้งก่อนการผ่าตัด และหลังผ่าตัดที่ผู้ป่วยจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและสร้างวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

“คุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มต้นที่ความกล้าที่จะเปลี่ยนตัวเอง”